ทิสโก้-กรุงเทพประกันชีวิต ยกระดับวางแผนเกษียณรับเทรนด์สังคมสูงวัย

News ข่าวสารล่าสุด

ธนาคารทิสโก้ จับมือกรุงเทพประกันชีวิตพลิกโฉมวางแผนเกษียณสู่เมกะเทรนด์ เตรียมพร้อมวัยเกษียณให้เท่าทันกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก ครอบคลุมทั้งในมิติ “การเสริมสร้างความรู้ การลงทุนในธุรกิจแห่งอนาคต และการปกป้องชีวิตจากภัยความเสี่ยง” หลังพบการวางแผนการเงินแบบดั้งเดิมไม่ตอบโจทย์สังคมอายุยืน ที่ปัจจุบันคนไทยจะมีอายุขัยเฉลี่ยเกือบ 100 ปี* ตามนวัตกรรมการแพทย์ที่ก้าวล้ำและค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลที่สูงต่อเนื่อง พร้อมลุยบริการให้คำปรึกษาตอบโจทย์ลูกค้าแบบองค์รวม “กองทุน-ประกัน” และจัดโปรโมชันพิเศษ

นายศักดิ์ชัย พีชะพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารทิสโก้ร่วมมือกับบริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) พันธมิตรที่สำคัญทางด้านประกันยกระดับการวางแผนทางการเงินรับมือวัยเกษียณ เพื่อรองรับการก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ของไทยที่จะมาถึงในเร็วๆ นี้ โดยจากการสำรวจพบว่าปัจจุบันคนไทยไม่ถึง 20% เท่านั้นที่มีการวางแผนทางการเงินรับมือวัยเกษียณ ทิสโก้ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านที่ปรึกษาทางการเงิน มีความห่วงใยและเล็งเห็นถึงความสำคัญของการสร้างความตระหนักรู้ใน “การวางแผนการเกษียณ” ให้เพียงพอกับการใช้ชีวิตในสังคมอายุยืนที่อาจยืนยาวถึง 100 ปี จึงได้ยกระดับคำแนะนำในการวางแผนการเงินเพื่อการเกษียณสู่แนวคิด “Megatrends Retirement Planning” ซึ่งเป็นการวางแผนการเงินรูปแบบใหม่ที่เท่าทันกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก ผ่านการลงทุนในกองทุนคุณภาพที่เน้นธุรกิจแห่งอนาคต และปกป้องความเสี่ยงหลังเกษียณที่สอดรับกับกระแสโลก ด้วยประกันบำนาญที่มุ่งสร้างผลประโยชน์สูงสุดในขณะดำรงชีวิต ประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย และประกันโรคร้ายแรงที่มีทุนประกันสูง

นายโชน โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทกรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)เปิดเผยว่า ประกันบำนาญมีบทบาทสำคัญที่ช่วยลดภาระการเตรียมเงิน รวมทั้งช่วยป้องกันความเสี่ยงที่เงินจะหมดไปก่อนเวลาจากการได้รับเงินบำนาญตลอดอายุขัยจึงทำให้มีเงินสำหรับค่าใช้จ่ายจำนวนหนึ่งอย่างแน่นอน ที่สำคัญช่วยป้องกันความเสี่ยงหากแผนการเงินที่วางไว้ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้อีกด้วย ประกันสุขภาพและประกันบำนาญจึงมีบทบาทสำคัญในการวางแผนเพื่อการเกษียณ กรุงเทพประกันชีวิตเชื่อว่าความร่วมมือกับธนาคารทิสโก้นี้จะช่วยให้ประชาชนมีการเตรียมวางแผนเพื่อการเกษียณที่ครอบคลุมเพื่อชีวิตหลังเกษียณที่มีคุณภาพ นอกจากความร่วมมือด้านผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพและประกันบำนาญแล้ว กรุงเทพประกันชีวิตยังได้ร่วมมือกับธนาคารทิสโก้ ในการให้ความรู้ด้านการวางแผนการเกษียณผ่านช่องทางของบริษัทและธนาคารทิสโก้

“สังคมผู้สูงอายุและนวัตกรรมการแพทย์ทำให้คนมีโอกาสที่จะมีอายุขัยที่ยืนยาวขึ้น คนจึงต้องหันมาตระหนักถึงคุณภาพชีวิตในวัยหลังเกษียณของตัวเอง ผลิตภัณฑ์และบริการของกรุงเทพประกันชีวิตถูกพัฒนาให้ทันตามเทรนด์และนวัตกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป ความคุ้มครองและบริการที่จะมอบให้แก่ลูกค้าจะต้องครอบคลุมเทรนด์ โรคใหม่ๆ และเรื่องใหม่ๆ อยู่เสมอ เพื่อสนับสนุนคนให้ใช้ชีวิตหลังเกษียณได้อย่างมีคุณภาพ เช่น ปัจจุบันประกันบำนาญและประกันสุขภาพที่กรุงเทพประกันชีวิต ร่วมกับธนาคารทิสโก้ได้ตอบโจทย์ที่สามารถคุ้มครองได้สูงสุดถึงอายุ 99 ปี ในส่วนของประกันบำนาญนั้น การที่คนมีอายุยืนยาวมากขึ้นจำเป็นต้องเตรียมเงินเพื่อใช้จ่ายให้เพียงพอกับอายุที่ยืนยาวขึ้นด้วย”

ด้านนายเมธา ปิงสุทธิวงศ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับความพร้อมของธนาคารทิสโก้ในการสร้างความมั่นคงทางการเงินหลังเกษียณให้คนไทยนั้น ทิสโก้อยู่ระหว่างพัฒนาโปรแกรมสำหรับวางแผนเกษียณในเชิงลึก โดยครอบคลุมทั้งการสร้างเงินก้อนสำหรับใช้จ่ายหลังเกษียณ และการวางแผนป้องกันความเสี่ยงด้านค่าใช้จ่ายสุขภาพ พร้อมกันนี้ยังได้นำเสนอข้อมูลบทความ คลิป และจัดสัมมนาให้ความรู้วิธีการวางแผนเกษียณที่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของกระแสโลกผ่านสื่อต่างๆ และในปี 2566 ยังมีแผนที่จะให้บริการคำปรึกษาสำหรับการวางแผนเกษียณที่เหมาะกับลูกค้ารายบุคคล โดยผู้ที่สนใจสามารถใช้บริการได้ที่ธนาคารทิสโก้ทุกสาขาทั่วประเทศ รวมถึงการพัฒนาแอปพลิเคชัน TISCO My Wealth ให้เป็นเครื่องมือสำหรับการวางแผนเกษียณให้ลูกค้าด้วย

สำหรับลูกค้าที่สนใจวางแผนเกษียณอย่างครบ จบที่กับธนาคารทิสโก้ ทั้งผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพ โรคร้ายแรง และประกันบำนาญที่รับประกันโดยบริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ลูกค้าจะได้รับคะแนนสะสม 1,000 คะแนน จากการซื้อผลิตภัณฑ์ ดังนี้ ประกันสุขภาพ My Care Prestige Health หรือประกันบำนาญ My Wish Retirement ค่าเบี้ยทุกๆ 2,000 บาท ประกันสุขภาพ My Care Easy Health ค่าเบี้ยทุกๆ 1,200 บาท ประกันโรคร้ายแรง CI Extra Care ค่าเบี้ยทุกๆ 800 บาท และคะแนนสะสมสามารถแลกรับเป็นบัตรกำนัล โดยมีมูลค่า เช่น คะแนนสะสม 5,000-20,000 คะแนน แลกรับบัตรกำนัลมูลค่าสูงสุด 1,200 บาท คะแนนสะสม 20,001-40,000 คะแนน แลกรับบัตรกำนัลมูลค่าสูงสุด 2,800 บาท คะแนนสะสม 40,001-60,000 คะแนน แลกรับบัตรกำนัลมูลค่าสูงสุด 4,800 บาท คะแนนสะสม 60,001-80,000 คะแนน แลกรับบัตรกำนัลมูลค่าสูงสุด 7,200 บาท คะแนนสะสม 80,001-100,000 คะแนน แลกรับบัตรกำนัลมูลค่าสูงสุด 10,000 บาท คะแนนสะสม 100,001-120,000 คะแนน แลกรับบัตรกำนัลมูลค่าสูงสุด 13,200 บาท คะแนนสะสม 120,001-140,000 คะแนน แลกรับบัตรกำนัลมูลค่าสูงสุด 16,800 บาท คะแนนสะสมตั้งแต่ 140,001 คะแนนขึ้นไป แลกรับบัตรกำนัลมูลค่า 18,200 บาท โดยสามารถสะสมคะแนนได้จากการซื้อผลิตภัณฑ์ดังกล่าวตั้งแต่วันนี้ จนถึง 31 ธันวาคม 2565 และสามารถนับรวมบุคคลในครอบครัวเดียวกันได้ โดยกรมธรรม์ต้องได้รับการอนุมัติจากบริษัทประกันภัยภายในวันที่ 31 มกราคม 2566

**เชื่อสินเชื่อปีนี้โตทะลุเป้า**
สำหรับสินเชื่อของธนาคารในปีนี้คาดว่าจะเติบโตได้ในระดับ 6-7% ซึ่งปัจจุบันสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 5% โดยมองว่าในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้สินเชื่อจะยังเติบโตได้ดี โดยเฉพาะสินเชื่อรายย่อยที่เติบโตได้ดีมาอย่างต่อเนื่อง และน่าจะเติบโตได้ถึง 10%ในปีนี้ ขณะแนวโน้มหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL)ปีนี้ยังอยู่ในระดับทรงตัวจากไตรมาส3 ที่หนี้เสียปรับตัวลดลงมาเล็กน้อยที่ 2.08% ส่งผลให้แนวโน้มการตั้งสำรองหนี้เสียที่จะเพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลงด้วยเช่นกัน

สำหรับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นในระบบนั้น หลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ได้มีการปรับขึ้นไปแล้ว 2 ครั้ง และคาดว่าจะมีการปรับขึ้นอีกครั้งรวมเป็น 3 ครั้งในปีนี้ ซึ่งก็จะทำให้ธนาคารพาณิชย์ต้องปรับขึ้นตาม แต่ในขณะเดียวกันธนาคารก็จะพยายามที่จะบริหารจัดการเพื่อให้ลูกค้าได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ส่วนการที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค(สคบ.)ได้ปรับเพดานอัตราดอกเบี้ยเช่าซื้อใหม่นั้น จะกระทบในส่วนของพอร์ตสินเชื่อรถมอเตอร์ไซค์ที่จะปล่อยใหม่เท่านั้น เนื่องจากมีพอร์ตเช่าซื้อมอร์เตอร์ไซค์ที่คิดอัตราดอกเบี้ยที่ 30% ซึ่งสูงกว่าเพดานดอกเบี้นที่สคบ.ปรับใหม่ที่ไม่ให้ดอกเบี้ยเกิน23% ขณะที่พอร์ตสินเชื่อรถมอเตอร์ไซค์ของธนาคารมีจำนวนไม่มากประมาณ 5,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับยอดคงค้างสินเชื่อรวมที่กว่า 200,000 ล้านบาท